เจอพวกรับทำ SEO มาสอนอะไรที่ว๊าว และใหม่อยู่ตลอด // มันจำเป็นจริงหรือไม่ ?
ในทางวิชาการและการสื่อสารมวลชน การหลอกลวงประเภทที่คุณอธิบายนี้มักจะจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ “Fake Guru Scams” (การหลอกลวงโดยผู้เชี่ยวชาญปลอม) หรือ “Online Business/Digital Marketing Scams” (การหลอกลวงทางธุรกิจออนไลน์/การตลาดดิจิทัล) รูปแบบการหลอกลวงนี้เน้นการขาย “ความสำเร็จ” หรือ “ความลับเฉพาะ” ที่ไม่มีอยู่จริงหรือพิสูจน์ได้ โดยใช้หลักการทางการตลาดที่สร้างความตื่นตระหนก (Fear of Missing Out – FOMO) และความโลภเป็นแรงจูงใจหลัก
การเปิดโปงกลโกง “กูรู” การตลาดดิจิทัล: ภัยเงียบที่คุกคามภาคธุรกิจออนไลน์
ความสำเร็จที่ไม่สามารถจับต้องได้
ในยุคที่การตลาดดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของภาคธุรกิจ ปรากฏการณ์ “กูรูการตลาดดิจิทัลปลอม” (Fake Internet Marketing Gurus) ได้กลายเป็นปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ร้ายแรง ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจที่กระตือรือร้นและต้องการความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนเหล่านี้มักจะนำเสนอหลักการ แนวโน้ม หรือ “เทคนิคใหม่ล่าสุด” ที่โอ้อวดเกินจริงและไม่มีการพิสูจน์ผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมในการนำไปปฏิบัติจริง การหลอกลวงประเภทนี้ไม่ได้ขายสินค้า แต่ขาย “ความหวัง” และ “โปรเจกต์ที่นำไปสู่ความสำเร็จที่จับต้องไม่ได้” โดยใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อเข้าสู่การเรียนรู้และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะและกลไกการหลอกลวง
การหลอกลวงโดยผู้เชี่ยวชาญปลอมเหล่านี้มีลักษณะสำคัญดังนี้:
- การสร้างสถานะ ‘กูรู’ ที่เกินจริง:
- การใช้ภาพลักษณ์ที่หรูหรา: นำเสนอภาพความสำเร็จที่ฉาบฉวย เช่น รถหรู บ้านราคาแพง หรือการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าพวกเขาได้ค้นพบ “สูตรสำเร็จ” ที่ผู้อื่นยังเข้าไม่ถึง
- การอ้างอิงถึง ‘เทรนด์ใหม่’ หรือ ‘อัลกอริทึมลับ’: มักอ้างถึงหลักการที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ หรือการตีความข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน เช่น “AI Marketing 2.0” หรือ “เทคนิค SEO ลับสุดยอด” เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวและทำให้ธุรกิจรู้สึกว่ากำลังจะตกยุคหากไม่เข้าร่วม
การขายสินค้าและบริการที่เป็นนามธรรม (Selling Intangibles):
- คอร์สเรียนและเวิร์กชอปราคาแพง: เสนอคอร์สเรียนที่มีเนื้อหาพื้นฐานหรือเป็นข้อมูลที่สามารถหาได้ฟรี แต่ถูกห่อหุ้มด้วยคำศัพท์เฉพาะทางที่ซับซ้อนและเร้าใจ
กลไกการโน้มน้าวใจ (Psychological Manipulation):
- การสร้างภาวะ FOMO (Fear of Missing Out): เร่งรัดการตัดสินใจซื้อด้วยการจำกัดเวลา ข้อเสนอพิเศษที่ใกล้จะหมดอายุ หรือการบอกว่า “ที่นั่งใกล้เต็มแล้ว”
- การใช้คำยืนยันความสำเร็จปลอม (Fake Testimonials): ใช้วิดีโอหรือข้อความรีวิวที่สร้างขึ้นเองหรือเป็นของบุคคลที่ได้รับผลตอบแทนจากการชวนคนอื่นมาเข้าร่วม ไม่ใช่จากผลลัพธ์ทางธุรกิจที่แท้จริงฃผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
การหลอกลวงประเภทนี้สร้างความเสียหายในหลายมิติ:
- ความสูญเสียทางการเงิน: ผู้ประกอบการต้องสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับคอร์สเรียนและโปรเจกต์ที่ไม่ได้ผล
- การสูญเสียเวลาและโอกาส: การทุ่มเทพลังงานและเวลาไปกับกลยุทธ์ปลอมทำให้พลาดโอกาสในการใช้ทรัพยากรไปกับการพัฒนาธุรกิจจริง
- ทำลายความเชื่อมั่น: สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลที่แท้จริง และทำลายความเชื่อมั่นต่อผู้เชี่ยวชาญที่มีจรรยาบรรณ
การใช้ Topic เรื่อง AI มาหลอกลวง ให้ศึกษา
เรื่องการหลอกลวงที่อ้างถึง SEO AI และการสร้างความตื่นตระหนกเพื่อขายโครงการที่ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นปัญหาที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากผู้เชี่ยวชาญและเว็บไซต์ SEO ที่น่าเชื่อถือนี่คือตัวอย่าง Blog และ แหล่งข้อมูลสำคัญ ที่ออกมาเตือนภัยเกี่ยวกับ Red Flag เหล่านี้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “AI Snake Oil” (คำที่ใช้เรียกการขายยาครอบจักรวาลที่ไม่มีผลจริง) ในวงการ SEO:
Search Engine Land (SEL) และ Search Engine Journal (SEJ)
เป็นเว็บไซต์ข่าวสารและบทวิเคราะห์ SEO ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มักจะมีการเผยแพร่บทความที่ให้ความรู้และเตือนภัยอย่างสม่ำเสมอ:
Search Engine Land (SEL) – การเตือนภัยเรื่อง “AI SEO Scam” และการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับ Generative Engine Optimization (GEO)
มีการยกตัวอย่างว่า “GEO experts” ส่วนใหญ่มักจะใช้หลักการ SEO ดั้งเดิมที่ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ เช่น “Structured Data” ที่เป็นพื้นฐานมาตั้งแต่ปี 2011 มาอ้างว่าเป็นกลยุทธ์ AI ที่ปฏิวัติวงการ และเตือนเรื่องการเร่งรีบ (Urgency) ในการขาย
Search Engine Journal (SEJ) – การเตือนภัยเรื่องการอ้างสิทธิ์ที่เกินจริงและกลโกง SEO ทั่วไป รวมถึงการประยุกต์ใช้ AI
เน้นย้ำว่า “ไม่มีใครรับประกันอันดับ 1 ใน Google ได้” และเตือนให้ระวังบริษัทที่ใช้ AI ในการสร้างเนื้อหาที่ “ไม่มีชีวิตชีวา, ไม่มีความคิดริเริ่ม” ซึ่งอาจถูก Google ลงโทษในที่สุด
Individual Experts
นักคิดและผู้ปฏิบัติงาน (Practitioners) ในวงการ SEO บางรายได้ออกมาใช้คำว่า “Snake Oil” เพื่อโจมตีการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง:
B2B Marketing Blog (โดย Tom Pick) – การเตือนภัยเรื่อง “Generative Engine Optimization” (GEO) Snake Oil
เน้นว่า SEO ที่ดีและมีคุณภาพยังคงใช้งานได้ และการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ AI Search ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่เป็นการต่อยอดจาก SEO พื้นฐาน (เช่น E-E-A-T และ Branding) ไม่ใช่การทำอะไรที่พิสดาร
Baldur Bjarnason (ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี) – การเตือนภัยเรื่อง “AI pseudoscience and snake oil” ในวงการเทคโนโลยี
ให้ความรู้ว่าผู้ขายซอฟต์แวร์ AI มีแรงจูงใจทางการเงินในการกล่าวอ้างเกินจริง และเตือนให้ผู้คน ไม่เชื่ออย่างงมงาย ในโฆษณาที่อ้างว่า AI มีความสามารถมหัศจรรย์
Google/ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ
Google ในฐานะเจ้าของ Search Engine ก็ได้ออกมาให้สัญญาณเตือนทางอ้อมที่สำคัญ:
- John Mueller (Search Advocate ของ Google): มักจะออกมาเตือนใน X/Twitter หรือในวิดีโอสัมมนาเกี่ยวกับการ “รับประกันอันดับ” หรือการใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นแต่ Engine โดยไม่สนใจผู้ใช้ ซึ่งเป็นรากฐานของการหลอกลวง SEO มาโดยตลอด และหลักการนี้ก็ถูกใช้เพื่อเตือนเรื่อง AI Content ที่เน้นปริมาณแต่ขาดคุณค่า |
- คำแนะนำเรื่อง Helpful Content System: Google ย้ำมาตลอดว่าต้องการเนื้อหาที่เป็น “ประโยชน์และมีคุณภาพสูง” และเน้นย้ำเรื่อง E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ซึ่งเป็นการต่อต้านการใช้ AI สร้างเนื้อหาจำนวนมากที่ไร้สาระอย่างมีประสิทธิภาพ |
Red Flag หลัก ๆ ที่ Blog เหล่านี้เน้นย้ำ:
- การรับประกันอันดับ (Guaranteed Rankings): โดยเฉพาะ “อันดับ #1 ใน Google AI Search” ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะอัลกอริทึมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- การใช้ศัพท์ใหม่ที่ดูยิ่งใหญ่: เช่น “GEO,” “AO (AI Optimization)” หรือ “Generative Engine Optimization” เพื่อทำให้ลูกค้าสับสนและรู้สึกว่าต้องจ่ายเงินเพื่อเทคนิคใหม่ลับเฉพาะ
- การอ้างว่า SEO แบบเดิม “ตายแล้ว”: เป็นกลยุทธ์สร้างความตื่นตระหนก (Fear-Mongering) เพื่อบังคับขายบริการใหม่ โดยที่ความจริงแล้ว SEO พื้นฐาน (Technical SEO, Authority, E-E-A-T) ยังคงเป็นรากฐานที่ AI ใช้ในการดึงข้อมูล
- ความลับและความไม่โปร่งใส: การที่ผู้ขายไม่สามารถอธิบายกลยุทธ์ได้อย่างชัดเจน หรืออ้างว่าเป็น “เทคนิคเฉพาะของบริษัท” (Proprietary Method) ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
- การสร้างเนื้อหา AI ปริมาณมหาศาล: การขายโครงการที่เน้นการใช้ AI สร้าง Content ที่ขาดความลึกซึ้ง (Generic) และไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว ซึ่งท้ายที่สุดจะถูก Google มองว่าเป็นเนื้อหาที่ ไร้ประโยชน์ (Unhelpful Content)
ข้อเสนอแนะเพื่อการป้องกันและรับมือ
เพื่อปกป้องตนเองจากกลโกงเหล่านี้ นักธุรกิจควรยึดหลักการดังต่อไปนี้:
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบประวัติ ผลงานที่พิสูจน์ได้ และใบรับรองของผู้เชี่ยวชาญ หากอ้างว่าประสบความสำเร็จ ควรเรียกร้องให้แสดง ผลลัพธ์ทางธุรกิจจริงที่ตรวจสอบได้ ไม่ใช่เพียงภาพลักษณ์ความหรูหรา
- ระวัง ‘สูตรสำเร็จรูป’ และ ‘การรวยเร็ว’: การตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืนต้องการเวลา ความพยายาม และการปรับตัว หากมีใครสัญญาว่าจะรวยเร็วโดยไม่มีความเสี่ยง ถือเป็นสัญญาณอันตราย (Red Flag)
- เน้นหลักการที่พิสูจน์แล้ว: ให้ความสำคัญกับความรู้และหลักการที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิชาการและการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม (เช่น SEO, Content Marketing, Paid Ads) แทนที่จะวิ่งตาม “เทรนด์” ที่ไม่มีใครรับรอง
การหลอกลวงประเภทนี้เรียกว่า “Fake Guru Scams” หรือ “Online Business Fraud” ซึ่งใช้การขายความหวังและความสำเร็จที่จับต้องไม่ได้ โดยแฝงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในเทรนด์ใหม่ ๆ

Leave a Reply